น้ำตาลซอง 4 กรัม มาแรงแซงโค้ง ใช้กันตั้งแต่สภากาแฟยันโรงแรมหรู

น้ำตาลซอง 4 กรัม มาแรงแซงโค้ง ใช้กันตั้งแต่สภากาแฟยันโรงแรมหรู

                เมื่อ กระทรวงสาธารณาสุขพบว่าคนไทยกินน้ำตาลวันละ 20 ช้อนชาหรือคนละ 30 กิโลกรัมต่อปี ซึ่งสูงกว่ามาตรฐานที่องค์การอนามัยโลกแนะนำถึงกว่า 3 เท่าตัว ทำให้เกิดปัญหาโรคอ้วนเพิ่มมากขึ้น โดยในกลุ่มอายุ 15 ปีขึ้นไปพบถึง 1 ใน 10 หรือ 5.5 ล้านคน ทำให้ป่วยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง อาทิ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยน้ำตาลมีอยู่ในอาหารมื้อหลัก อาหารว่าง และชา กาแฟที่นิยมใส่น้ำตาลลดความขม         จึงทำให้ หลายหน่วยงานต้องยื่นมือออกมาแก้ไข โดย นพ.บุญชัย สมบูรณ์สุข เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา เน้นเรื่องการแสดงฉลากน้ำตาลทรายชนิดซองผ.ศ. (พิเศษ) นายแพทย์ธวัชชัย กมลธรรม อธิบดีกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯแนะนำให้ใช้ความหวานจากธรรมชาติหรือพืชสมุนไพร  ทพ.กฤษดา เรืองอารีย์รัชต์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ กล่าวถึงการทำงานร่วมกับภาคีเครือข่ายด้านสุขภาพ อย. และกรมอนามัย ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การปรับลดขนาดน้ำตาลบรรจุซอง และ ดร.นพ. พรเทพ ศิริวนารังสรรค์ อธิบดีกรมอนามัย กล่าวว่า กรมอนามัยได้ร่วมกับภาคีเครือข่ายจัดทำโครงการอาหารว่างเพื่อสุขภาพ หรือ เฮลท์ตี้มีทติ้ง (Healthy Meeting) เน้น 2 เรื่อง คืออาหารว่างที่ให้พลังงานต่ำกว่า 150 กิโลแคลอรีต่อวัน เช่น ผลไม้ ขนมที่ไม่หวานจัด และใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม

ผลก็คือ ผ่านไปครึ่งเดือน น้ำตาลซอง 4 กรัมกำลังเป็นที่นิยมอย่างสุดๆ เรียกได้ว่ามาแรงแซงโค้งยิ่งกว่าแฟชั่นยอดนิยมเสียอีก แห่กันใช้กันทั่วประเทศ ถึงขนาดว่าร้านกาแฟไหนไม่ใช้น้ำตาลซอง 4 กรัมถือว่า “เอ๊าท์ยิ่งกว่าเอ๊าท์” เลยทีเดียวเชียว เพราะรู้กันว่าหากคนไทยหันมาใช้น้ำตาลซอง 4 กรัม จะลดปริมาณน้ำตาลได้คนละประมาณ 3 กิโลกรัมต่อปี หรือเทียบเท่าพลังงานที่ใช้ในการเดินไป-กลับ กทม.-สระบุรี

                         รู้แบบนี้แล้วพวกเราชาวไทยมาลดหวานกันเถิด ใช้น้ำตาลซอง 4 กรัมเหมือนกันทั้งประเทศและ ดีที่สุดคือกินน้ำตาลวันละไม่เกิน 6 ช้อนชา ทำไปไม่ใช่เพื่อใคร แต่เพื่อสุขภาพของพวกเราเอง

ที่มาบทความ http://health.sanook.com/1653/